วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

สาร คืออะไร



      1.สาร คืออะไร
              สาร หมายถึง  สิ่งที่มีองค์ประกอบอย่างเดียว  มีสมบัติเฉพาะตัว  ไม่สามารถแบ่งแยกให้เป็นส่วนอื่นๆ ที่มีองค์ประกอบและสมบัติต่างไปจากเดิมเช่น  อากาศ  เกลือ  น้ำตาล  เป็นต้นในการจำแนกสารต้องใช้เกณฑ์ ดังนี้   


      เกณฑ์ในการจำแนกสาร
      1.1 สถานะของสารแบ่งเป็น  3  สถานะ
                 ของแข็ง : รูปร่างคงที่  อนุภาคเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบและอยู่ชิดกันมาก  มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมาก  อนุภาคเคลื่อนที่ไม่เป็นอิสระ
     ของเหลว : รูปร่างไม่คงที่ เปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ  อนุภาคเรียงตัวกันอย่างไม่เป็นระเบียบและอยู่ไม่ชิดกันมาก  มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลไม่มาก  อนุภาคเคลื่อนที่ได้ในระยะสั้นๆ
                  แก๊ส : รูปร่างไม่คงที่  เปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ  อนุภาคอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ห่างกันมาก มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลน้อย  อนุภาคเคลื่อนที่เป็นอิสระ
                                        

    1.2 ลักษณะเนื้อสาร  แบ่งเป็น  2 ประเภท  คือ
                 สารเนื้อเดียว  หมายถึง  สารที่มีเนื้อสารกลมกลืนกันมองเห็นเป็นเนื้อเดียวตลอด 
 เช่น  น้ำตาล  เกลือ เป็นต้น  โดยที่สารเนื้อเดียวมีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว
หรือมากกว่า 1 ชนิดก็ได้
                 สารเนื้อผสม  หมายถึง  สารที่มีเนื้อสารไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน  สามารถสังเกตและบอกได้ว่ามีสารองค์ประกอบมากกว่า 1  ชนิด  สมบัติของสารไม่เหมือนกันหมดทั่วทุกส่วน  เช่น  น้ำโคลน  เป็นต้น

                                     
  1.3การละลายน้ำ  แบ่งออกเป็น  3  กลุ่ม  คือ
สารที่ละลายน้ำได้ดี เป็นสารที่ละลายและผสมกลมกลืนกับน้ำได้ดี เช่น น้ำตาลทราย เป็นต้น
            สารที่ละลายน้ำได้บ้าง  เป็นสารที่ประกอบขึ้นจากสารหลายชนิด  โดยสารบางชนิดสามารถละลายน้ำได้  แต่สารบางชนิดไม่สามารถละลายน้ำได้ เช่น  สบู่  เป็นต้น
             สารที่ละลายน้ำไม่ได้  เป็นสารที่เมื่อผสมกับน้ำแล้วตั้งทิ้งไว้ให้อยู่นิ่ง  จะแยกตัวออกจากน้ำ  เช่น น้ำมัน  เป็นต้น
   1.4 ความเป็นกรด-เบส ของสารแบ่งเป็น  3  ประเภท
                สารที่เป็นกรดคือ สารที่เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากน้ำเงินเป็นแดง
                สารที่เป็นเบสคือ สารที่เปลี่ยนกระดาษลิตมัสจากแดงเป็นน้ำเงิน
                สารที่เป็นกลางคือ สารที่ไม่เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส
    1.5  การนำไฟฟ้า ของสารแบ่งเป็น  2  ประเภท
                สารที่สามารถนำไฟฟ้าได้    เรียกว่า    ตัวนำไฟฟ้า    เช่น   ลวด   แท่งเหล็ก เป็นต้น          
   สารที่ไม่สามารถนำไฟฟ้าได้  เรียกว่าฉนวนไฟฟ้า เช่น ไม้ แก้ว ยาง พลาสติก เป็นต้น 
     1.6การนำความร้อน  ของสารแบ่งเป็น  2  ประเภท
                     สารที่สามารถนำความร้อนได้  เรียกว่า ตัวนำความร้อน เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก  เป็นต้น
                     สารที่ไม่สามารถนำความร้อนได้  เรียกว่า  ฉนวนความร้อน เช่น ไม้ พลาสติก   เป็นต้น

     การเปลี่ยนแปลงของสาร เกิดขึ้นเมื่อสารได้รับพลังงานความร้อน (เพิ่มอุณหภูมิ) หรือคายพลังงานความร้อน (ลดอุณหภูมิ) ทำให้สารเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะ
                  การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว  เกิดเมื่ออนุภาคของของแข็งได้รับความร้อน  ทำให้อนุภาคของของแข็งซึ่งเดิมจัดเป็นระเบียบเกิดการสั่น
                  การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส  เกิดเมื่ออนุภาคของของเหลวได้รับความร้อน  ทำให้อนุภาคของของเหลว  เกิดการสั่น

การเปลี่ยนสถานะเมื่อสารได้รับความร้อน (เพิ่มอุณหภูมิ)
                - ของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว          เรียกว่า               การหลอมเหลว
                - ของเหลวเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส                 เรียกว่า              การกลายเป็นไอ
                - ของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส                   เรียกว่า              การระเหยการเปลี่ยน   สถานะเมื่อสารคายความร้อน  (ลดอุณหภูมิ)
                - แก๊สเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว                 เรียกว่า               การควบแน่น
                - ของเหลวเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง          เรียกว่า                 การเยือกแข็ง
                - แก๊สเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง                   เรียกว่า                การควบแน่น

            การละลายน้ำของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการนำสารตั้งแต่  2  ชนิดขึ้นไปมาผสมกันแล้วสารที่ผสมกันละลายเป็นเนื้อเดียว โดยที่สารที่มีปริมาณมาก  เรียกว่า  ตัวทำละลาย  และสารที่มีปริมาณน้อยเรียกว่า  ตัวละลาย
                             
2.ผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้างที่มีสารเกี่ยวข้อง
     2.1. สารปรุงแต่งอาหาร
     2.1.1 ความหมายสารปรุงแต่งอาหาร
สารปรุงแต่งอาหาร หมายถึง สารปรุงรสอาหารใช้ใส่ในอาหารเพื่อทำให้อาหารมีรสดีขึ้น เช่น น้ำตาล น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ซอสมะเขือเทศ และให้รสชาติต่างๆ เช่น
       -  น้ำตาล   ให้รสหวาน
       -  เกลือ   น้ำปลา ให้รสเค็ม
       -  น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ซอสมะเขือเทศ ให้รสเปรี้ยว
     2.1.2 ประเภทของสารปรุงแต่งอาหาร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
         2.1.2.1. ได้จากการสังเคราะห์ เช่น น้ำส้มสายชู น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น
         2.1.2.2. ได้จากธรรมชาติ เช่น เกลือ น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก อัญชัน เป็นต้น
2.2. เครื่องดื่ม
       เครื่องดื่ม หมายถึง สิ่งที่มนุษย์จัดเตรียมสำหรับดื่ม และมักจะมี น้ำ เป็นส่วนประกอบหลัก บางประเภทได้คุณค่าทางโภชนาการ บางประเภทดื่มแล้วไปกระตุ้นระบบประสาท และบางประเภทดื่มเพื่อดับกระหาย แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่ น้ำดื่มสะอาด น้ำผลไม้ นม น้ำอัดลม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ชาและกาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2.2.1 น้ำดื่มสะอาด
        น้ำดื่มสะอาด เป็นเครื่องดื่มที่ไม่สิ่งอื่นเจือปน เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ปัจจุบันน้ำดื่มสะอาดได้รับความนิยมมาก ผู้ผลิตมักจะบรรจุน้ำดื่มในขวดใสสะอาดแก้วที่สะอาด เหมาะสำหรับที่จะเสิร์ฟในร้านอาหาร หรือในงานเลี้ยงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะเลือกเครื่องดื่มชนิดนี้แทนเครื่องดื่มที่มีรสหวานอื่นๆ
      2.2.2น้ำผลไม้
น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง และต้องเป็นน้ำผลไม้ที่สดๆ จึงจะได้คุณค่ามาก ผู้ผลิตมักจะนำผลไม้ที่มีมากในฤดูกาลมาคั้นเอาแต่น้ำ นำมาเคี่ยวกับน้ำตาล หรือนำผลไม้สดมาปั่นผสมกับน้ำแข็ง น้ำเชื่อม จะได้รสชาติแปลกๆ หลายอย่าง
2.3. สารทำความสะอาด
     2.3.1 ความหมายของสารทำความสะอาด
สารทำความสะอาด หมายถึง คุณสมบัติในการกำจัดความสกปรกต่างๆ ตลอดจนฆ่าเชื้อโรค
     2.3.2 ประเภทของสารทำความสะอาด แบ่งตามการเกิด ได้ 2 ประเภท คือ
                2.3.2.1ได้จากการสังเคราะห์ เช่น น้ำยาล้างจาน สบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพูสระผม ผงซักฟอก สารทำความสะอาดพื้น เป็นต้น
 

                                   

      2.3.2.2ได้จากธรรมชาติ เช่น น้ำมะกรูด มะขามเปียก เกลือ เป็นต้น
แบ่งตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นเกณฑ์ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
      1)สารประเภททำความสะอาดร่างกาย ได้แก่ สบู่ แชมพูสระผม เป็นต้น
      2) สารประเภททำความสะอาดเสื้อผ้า ได้แก่ สารซักฟอกชนิดต่างๆ
      3)สารประเภททำความสะอาดภาชนะ ได้แก่ น้ำยาล้างจาน เป็นต้น
      4) สารประเภททำความสะอาดห้องน้ำ ได้แก่ สารทำความสะอาดห้องน้ำทั้งชนิดผงและชนิดเหลว
3.ประโยชน์ของสาร
        สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้มนุษย์มีอาหารเพียงพอ และมีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีเหมือนอย่างที่เราเห็นคุณภาพชีวิตประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันก็คิดว่าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเป็นสิ่งที่อันตรายจนไม่สามารถจะยอมรับได้ ทั้งต่อคนและสิ่งแวดล้อม จนเห็นว่าควรจะเลิกใช้สารเคมีเสียให้หมด
          ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะสามารถวิเคราะห์แยกแยะข้อถกเถียงของทั้งฝ่ายที่ต่อต้านและฝ่ายสนับสนุนได้ ประชาชนต้องการรับรู้ข้อมูล ประโยชน์ - ความเสี่ยง และกฎระเบียบการควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐ
            นโยบายด้านสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชควรจะอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเหตุผล ไม่ใช่การรับรู้ที่ไม่ถูกต้องและตัดสินจากความรู้สึกจากการสำรวจและรายงานเรื่องการผลิต และการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในเอเชีย 19 ประเทศ พบว่าความเสียหายต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปไม่ได้เกิดด้วยสารเคมีเอง แต่เกิดจากการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ข้อมูลในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า มีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชในฟาร์ม 900,000 แห่ง และบ้านเรือน 70 ล้านครัวเรือน สมาพันธ์กลุ่มอุตสาหกรรมเคมีเกษตรที่เรียกว่า Crop Life International ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังนี้
·       ช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ใช้ดินที่น้อยกว่า
·       รับประกันผลผลิตได้เต็มที่
·       ช่วยลดราคาอาหาร ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า
·       ลดปัญหา โรคที่มากับน้ำและแมลงพาหะนำโรค
·       ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการทำลายป่าเพื่อให้ใช้ที่ดินเพาะปลูก
·       ขจัดปัญหาความยากลำบากในการกำจัดวัชพืชด้วยมือ
·       ช่วยให้ประเทศที่กำลังพัฒนา เป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร
·       ช่วยขจัดปัญหาศัตรูทำลายผลผลิตในโรงเก็บ








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น